วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มหากปิชาดก

คุณธรรมของหัวหน้า
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อพระญาติของพระองค์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสธก ว่า...

วันพฤหัสบดีที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทัพพปุบผาชาดก

แบ่งกันไม่ลงตัว
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภพระอุปนันทศากยบุตรผู้โลภมาก ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

วันพุธที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สุตนชาดก

ชายหนุ่มปราบยักษ์
          ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภภิกษุผู้เลี้ยงมารดารูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

วันอังคารที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สุวรรณกักกฏกชาดก

ปูทองผู้ฉลาด
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถีทรงปรารภการเสียสละชีพของพระอานนทเถระเพี่อพระองค์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ขุรปุตตชาดก

พระราชาผู้รู้เสียงสัตว์
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวัตถีทรงปรารภภิกษุผู้ถูกภรรยาเก่าเล้าโลมจนกระสัน อยากจะสึกรูปหนึ่งได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

กุกกุฏชาดก

พญาไก่ป่า
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันจะสึกรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

วันอาทิตย์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

คำอธิษฐานจิตเวลาทำบุญ

  1. คำอธิษฐานจิตเวลาทำบุญ
" สุทินนัง วะตะ เม ทานัง อาสะวักขยาวะหัง โหตุ " 

ขอให้ทาน ที่ข้าพเจ้าถวายดีแล้วนี้ จงเป็นเหตุ ให้ข้าพเจ้า หมดความเศร้าหมองใจเถิด
*********************************************************


  2. คำถวาย  ธูป  เทียน  ดอกไม้  
" อิมานิ มะยัง ภันเต ธูปะทีปะบุปผะวรานิ ระตะนัตถายัสเสวะ อภิปูชยามะอัมหากังระตะ 
นัตตะ ยัสสะ หิตะสุขาวะหา โหตุ อาสะวักขะยัปปัตติยา " 

ข้าพเจ้าทั้งหลาย ขอบูชาด้วย ธูปเทียน และ มีเทียนจำนำพรรษาเป็นต้น และ ดอกไม้ 
ทั้งหลาย อันประเสริฐนี้ แก่พระรัตนตรัย ก็กิริยาที่บูชาพระรัตนตรัยนี้ จงเป็นผล นำมาซึ่ง 
ประโยชน์ และ ความสุขแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย ตลอดกาลนานและเพื่อให้ถึงซึ่ง พระนิพพาน 
อันเป็นที่สิ้นไปแห่ง อาสวกิเลส เทอญ
*********************************************************

อาวาริยชาดก

ค่าจ้างเรือ
          ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภคนแจวเรือประจำท่าคนหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

สาลิยชาดก

หมอผู้โชคร้าย
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารถพระเทวทัตผู้ไม่อาจทำความสะดุ้งกลัวแก่พระองค์ได้จึงตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สุวรรณมิคชาดก

พญาเนื้อทอง
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวันเมืองสาวีตถี ทรงปรารภธิดาของตระกูลอุปัฏฐากพระอัครสาวกทั้งสอง (พระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ) นางหนึ่งผู้สามารถทำให้ครอบครัวสามีเป็นมิจฉาทิฏฐิกลับเป็นสัมมาทิฏฐิ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

ลฏูุกิกชาดก

นางนกไส้
          ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเวฬุวัน เมืองราชคฤห์ ทรงปรารภพระเทวทัตผู้ไม่มีความกรุณาปรานีแก่หมู่สัตว์ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วพระโพธิสัตว์เกิดเป็นพญาช้างมีช้างประมาณ ๘๐,๐๐๐ เชือก เป็นบริวารอาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ในที่ไม่ไกลจากที่อยู่ของช้างนั้นมีนางนกไส้ (นกต้อยตีวิด) ตัวหนึ่งตกฟองไข่อยู่ที่พื้นดินใกล้ทางเดินของพญาช้าง ในรังนั้นมีลูกนกออกใหม่หลายตัว

วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ราโชวาทชาดก

คุณสมบัติของผู้นำ
          ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภโอวาทของพระราชา ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

มงคล ๓๘ ประการ


มงคลที่ 1.ไม่คบคนพาล
อย่าคบมิตร ที่พาล สันดานชั่ว
จะพาตัว เน่าดิบ จนฉิบหาย
แม้ความคิด ชั่วช้า อย่ากล้ำกราย
เป็นมิตรร้าย ภายใน ทุกข์ใจครัน

มงคลที่ 2.การคบบัณฑิต
ควรคบหา บัณฑิต เป็นมิตรไว้ 
จะช่วยให้ พ้นทุกข์ สบสุขสันต์
ความคิดดี เลิศล้ำ ยิ่งสำคัญ
ควรคบกัน อย่าเขว ทุกเวลา

ทางแห่งความหลุดพ้น


      ในพระไตรปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจกนิบาต วิมุตติสูตรหรือวิมุตตายตนสูตร พระพุทธเจ้าตรัสถึงแหล่งเกิดแห่งความหลุดพ้นไว้ ๕ ประการ คือ
 
      ๑.  การฟังธรรม ข้อนี้มีตัวอย่างมากหลาย เช่น พระอัญญาโกณฑัญญะ และคณะอีก ๔ รูป เป็นต้น แม้พระสารีบุตรก็เหมือนกัน
      ๒.  การแสดงธรรม มีตัวอย่าง เช่น พระนาคเสนแสดงธรรมแก่อุบาสิกาผู้หนึ่ง ท่านก็ได้สําเร็จ อุบาสิกาก็ได้สําเร็จ
 
      ๓.  การสาธยายธรรม เช่น ท่องพระพุทธพจน์ หรือสวดบทพระธรรม มีตัวอย่างเช่น อุบาสิกาท่านหนึ่งสาธยายอาการ ๓๒ จนได้บรรลุอนาคามิผล ปรากฏในอรรถกถาธรรมบท
 
      ๔.  การใคร่ครวญธรรม หมายถึง การเพ่งพินิจความหมายแห่งธรรม มีตัวอย่างมากหลาย เช่น พระมาลกะ ผู้เคยเป็นพรานเนื้อแล้วมาบวช เป็นต้น
 
      ๕.  การเจริญสมถะและวิปัสสนา 

      ตามพระพุทธพจน์นี้จะเห็นว่า ทางแห่งความหลุดพ้นมีได้หลายทาง และก็มีตัวอย่างปรากฏให้เห็นว่าเป็นอย่างนั้น บางทีท่านเปรียบด้วยสระใหญ่ ที่มีทางลง

กากาติชาดก

นางกากี
          ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถีทรงปรารภภิกษุผู้กะสันจะสึกรูปหนึ่งตรัสให้โอวาทว่า "ภิกษุ ธรรมดามาตุคาม (แม่บ้าน) ใคร ๆ ก็รักษาไว้ไม่ได้ โบราณบัณฑิตในครั้งก่อน ถึงจะยกมาตุคามขึ้นไปไว้ในวิมานฉิมพลีในท่ามกลางมหาสมุทรก็ไม่อาจรักษาสตรีได้" แล้วได้นำอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นพระราชาผู้ครองเมืองพาราณสี มีมเหสีพระนามว่า กากาติ มีพระรูปโฉมงดงามยิ่ง ใครเห็นใครก็ลุ่มหลงในความงาม ในวันหนึ่งมีพญาครุฑตนหนึ่งแปลงร่างเป็นมนุษย์มาเล่นสกา (การพนันชนิดหนึ่ง)กับพระราชา ได้พบเห็นพระนางกากาตินั้นแล้วเกิดความรักใคร่ในนาง จึงแอบพานางหนีไปอยู่ที่วิมานฉิมพลีอันเป็นที่อยู่ พระราชาเมื่อไม่พบเห็นพระเทวีจึงตรัสเรียกคนธรรพ์ชื่อ นฏกุเวรมาเข้าเฝ้า พร้อมมอบหมายให้นำพระเทวีกลับมาให้ได้
          ฝ่ายคนธรรพ์ทราบที่อยู่ของครุฑแล้ว จึงไปนอนแอบซุ่มอยู่ในดงตะไคร้ข้างสระลูกหนึ่ง พอครุฑบินไปจากสระก็แอบกระโดดเกาะระหว่างปีกครุฑไปจนถึงวิมานฉิมพลี แอบได้เสียกับพระนางกากาติที่วิมานนั้น แล้วก็อาศัยครุฑนั้นแหละกลับมาเมืองพาราณสีอีก ในวันหนึ่งขณะที่พญาครุฑเล่นสกากับพระราชาอยู่ คนธรรพ์ก็ทำทีเป็นถือพิณมาที่สนามสกา ขับร้องเป็นเพลงว่า
          "หญิงรักคนรักของเราอยู่ ณ ที่แห่งใด กลิ่นของนางยังหอมฟุ้งมาที่แห่งนั้น ใจของเรายินดีในนางใด นางนั้นชื่อกากาติ อยู่ไกลจากที่นี้"
          พญาครุฑพอได้ฟังแล้วสะดุ้งจึงถามเป็นนัยว่า "ท่านข้ามทะเลมหาสมุทรทั้ง ๗ แห่งไปได้อย่างไร ท่านขึ้นวิมานฉิมพลีได้อย่างไร" นฏกุเวรจึงตอบว่า "เราข้ามทะเลมหาสมุทรทั้ง ๗ แห่งได้ก็เพราะท่าน ขึ้นวิมานฉิมพลีได้ก็เพราะท่านนั้นแหละ"
          พญาครุฑพอได้ทราบความจริงแล้ว ก็กล่าวติเตียนตนด้วยความเสียใจว่า "ช่างน่าติเตียนเสียนี่กระไร เรามีร่างกายใหญ่โตเสียเปล่าไม่มีความคิด จึงเป็นพาหนะให้ชายชู้ของเมียทั้งไปและกลับ น่าเจ็บใจจริง ๆ" กล่าวจบก็คืนร่างเป็นพญาครุฑไปนำพระนางกากาติมาคืนพระราชาแล้วไม่หวนคืนกลับมาเล่นสกากับมนุษย์อีกเลย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :ไม่มีใครจะเก็บรักษาสตรีไว้ได้นอกจากสตรีนั้นจะรักษาตนเอง

วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

พรหมทัตตชาดก


การขอ

          ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่อัคคาฬวเจดีย์ เมืองอาฬวี ทรงปรารภกุฏิการสิกขาบทที่พวกภิกษุชาวเมืองอาฬวีพากันสร้างกุฏีเที่ยวขอชาวบ้าน จนชาวบ้านเกิดความเดือดร้อนขึ้นจึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลายโบราณบัณฑิต แม้พระราชาจะปวารณาไว้แล้วก็ไม่มีขอในท่ามกลางมหาชน เพราะกลัวหิริโอตตับปปะร้าวฉานออกปากขอในที่ลับเท่านั้น " แล้วได้นำอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ทุททุภายชาดก

กระต่ายตื่นตูม
         ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดพระเชตวันเมืองสาวัตถี ทรงปรารภเดียรถีย์ (นักบวชนอกศาสนา) ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...

ติติรชาดก

บาปเกิดจากความจงใจ

          ในสมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในวทริการามเมืองโกสัมพี ทรงปรารภพระราหุลเถระ ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...
          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง หลังจากเรียนจบศิลปวิทยาจากเมืองตักกสิลาแล้ว ได้ออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าหิมพานต์วันหนึ่งพระฤาษีได้สัญจรไปที่บ้านชายแดนหมู่บ้านหนึ่ง คนในหมูบ้านนั้นได้สร้างอาศรมถวาย จึงได้อาศัยอยู่ที่นั้นเรื่อยมา

วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สสปัณฑิตชาดก

กระต่ายผู้สละชีวิต

ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภการถวายบริขารทุกอย่างของพ่อค้าชาวเมืองคนหนึ่งได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า...


          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิสัตว์เกิดเป็นกระต่ายอาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่งท่ามกลางหุบเขาและแม่น้ำล้อมรอบ มีสัตว์เป็นเพื่อนกันอัก ๓ ตัว คือ ลิง สุนัขจิ้งจอก และนาก สัตว์ทั้ง ๔ เป็นสัตว์มีศีลธรรม ทุกเย็นจะมาพบกันและฟังโอวาทของกระต่ายเสมอ

ลักษณะนิสัยคนโทสะจริต‏

การวิเคราะห์จริตมนุษย์ 6 ประเภท

เราคงจะได้ยินกันบ่อยว่า สามีหรือภรรยา ต่างไม่เข้าใจกันแม้จะอยู่ด้วยกันมานับสิบๆปี หรือ พ่อแม่ มาบ่นให้ผู้เขียนฟังว่าไม่ค่อยเข้าใจ ลูก เลย ทำไมถึงมีพฤติกรรมแปลกๆ ส่วนในที่ทำงาน หลายคนกำลังกลุ้มกับ หัวหน้า ที่ดูเหมือนจะศรศิลป์ไม่กินกัน จนแทบอยากจะลาออกจากงาน ส่วนหัวหน้าก็กลุ้มใจกับ ลูกน้อง ที่ ดูเหมือนจะสั่งงานไม่ไป พูดอย่างไปอีกอย่าง หนังสือเล่มนี้จะช่วยให้เราเข้าใจบุคคลที่อยู่รอบตัวท่านได้ดีขึ้น ปัญหาส่วนหนึ่งมาจากการที่ คนเรามักมองตัวเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล และ มองออกไปหาคนอื่น เราแทบไม่ได้คิดจากคนอื่นกลับมาหาเรา หรือถ้าคิดก็มักคิดว่า ทุกคนต้องคิดเหมือนเราทำเหมือนเรา ถ้าไม่ทำอย่างที่เราคิดหรือคาดหวังว่าจะทำแล้วก็จะรู้สึกไม่สบอารมณ์
ที่จริงแล้ว มนุษย์เราแต่ละคนมีระบบความคิด ระบบการมองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าจะเป็นพี่น้องกัน หรือว่าอยู่ในครอบครัวเดียวกัน การที่เราสามารถเข้าใจระบบการมองโลกและระบบความคิดของเขา  เราสามารถอ่านใจสามีหรือภรรยา ลูก หัวหน้าหรือลูกน้องได้ เราสามารถคาดว่าถ้าเราพูดอย่างนี้ เขาจะโต้ตอบมาว่าอย่างไร จะไม่มีการแปลกประหลาดใจ โดยเฉพาะผู้เป็นคุณพ่อคุณแม่จะได้เข้าใจถึงลูกของตัวเองดีขึ้น หัวหน้าจะได้มอบหมายลูกน้องให้ทำงานตรงกับลักษณะนิสัย จะได้ไม่ประหลาดใจกับผลที่ได้เมื่อสั่งงานไปแล้ว ส่วนหากเราเป็นลูกน้องก็จะสามารถเข้าใจนายว่าทำไมเขาถึงพูดถึงทำเช่นนั้น และเราจะมีทางหนีทีไล่ได้อย่างไรเมื่อไปเจอกับหัวหน้ารูปแบบต่างๆ

สัปปายะ‏

สัปปายะ  (พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ของท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก)

สิ่ง สถานหรือบุคคล ซึ่งเป็นที่สบาย เหมาะกัน เกื้อกูล หรือเอื้ออำนวย โดยเฉพาะที่ช่วยเกื้อกูลแก่การบำเพ็ญและประดับประคองรักษาสมาธิ 
ท่านแสดงไว้ ๗ อย่าง คือ อาวาส (ที่อยู่) โคจร (ที่บิณฑบาตหรือแหล่งอาหาร) ภัสสะ (เรื่องพูดคุยที่เสริมการปฏิบัติ) บุคคล (ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วยแล้วช่วยให้จิตผ่องใสสงบมั่นคง) โภชนะ (อาหาร)  อุตุ (สภาพแวดล้อมและอุณหภูมิ)

อิริยาบถ; ทั้ง ๗ นี้ ที่เหมาะกันเป็นสัปปายะ ที่ไม่สบายเป็นอสัปปายะ)

วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

อานิสงส์การสวดมหาปัฏฐาน

          คำว่า  "มหาปัฏฐาน" แปลว่า ปัจจัยมีประการต่างๆมากมาย ในการแสดงปัจจัย ๒๔ นั้น พระพุทธองค์ทรงจำแนกปัจจัยหนึ่งๆ มีธรรมเป็น ๓ หมวด คือ ปัจจัยธรรม หมายความว่า ธรรมที่เป็นเหตุ(ปัจจัย มีวจนัตถะว่า ผลธรรมย่อมเกิดขึ้นตั้งอยู่ได้เพราะอาศัยธรรมที่เป็นเหตุนี้ ธรรมที่เป็นเหตุนี้จึงชื่อว่า"ปัจจัย")
ปัจจยุปบันธรรม หมายความว่า ธรรมที่เป็นผล(ปัจจยุปบันธรรม มีวจนัตถะว่า ผลธรรมที่เกิดจากเหตุปัจจัย ชื่อว่า "ปัจจยุปบัน")
         ปัจจนิกธรรม หมายความว่า ธรรมที่มิใช่ผล (คือธรรมที่นอกจากผล)(ปัจจนิก มีวจนัตถะว่า หมวดธรรมที่เป็นปฏิปักษ์ต่อปัจจยุปบันธรรม ชื่อว่า"ปัจจนิก")
        มหาปัฏฐาน มีนัยยะกว้างขวาง มีนัยหาที่สุดมิได้มีอรรถอันสุขุมลุ่มลึกยิ่งกว่าพระสัทธรรมทั้งปวง อันมีในพระไตรปิฏกนับเป็นปกรณ์ใหญ่ เรียกว่า "มหาปกรณ์"เป็นปกรณ์ที่เมื่อครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสรู้แล้วนั้น  คัมภีร์มหาปัฏฐาน เป็น ๑ ใน ๗ คัมภีร์ที่พระพุทธองค์ทรงพิจารณาหลังจากที่ได้ตรัสรู้แล้ว ได้แก่ ๑. ธัมมสังคณี, ๒. วิภังคปกรณ์ ๓. ธาตุกถา ๔. ปุคคลบัญญัติ  ๕. กถาวัตถุ ๖. ยมกปกรณ์ และ ๗. มหาปัฏฐานเมื่อพระพุทธองค์พิจารณาคัมภีร์เหล่านั้นจนกระทั้งหยั่งลงสู่การพิจารณาคัมภีร์ที่ ๗ นี้ พระฉัพพรรณรังสี ๖  ประการก็ซ่านออกมาจากพระวรกายของพระองค์ ทั้งนี้ ก็เพราะเป็นคัมภีร์ที่กว้างขวาง มีอรรถรสลึกซึ้ง สุขุมคัมภีรภาพ มากกว่า๖ คัมภีร์ ที่พระองค์ทรงพิจารณามาและเป็นคัมภีร์เดียวเท่านั้นที่เหมาะสมแก่พระสัพพัญญุตญาณจึงทำให้เกิดความปิติในธรรมอยู่ตลอดเวลาพระรัศมีนี้มิใช่สำเร็จด้วยการอธิษฐานและมิใช่สำเร็จด้วยการภาวนาแต่ประการใดหากแต่สำเร็จมาจากการพิจารณาธรรมอันละเอียด สุขุม ลึกซึ้ง กว้างขวางนั่นเอง โดยเหตุนี้แหละ พระโลหิตจึงใส รูปวัตถุผ่องใสพระฉวีวรรณผ่องใส วรรณธาตุ (ธาตุ คือ รัศมี) มีจิตเป็นสมุฏฐานได้ตั้งอยู่ไม่หวั่นไหวในประเทศ ประมาณ ๘๐ ศอก โดยรอบ

ปฏิจจสมุปบาท แบบ "ฮัมเพลง" 3‏

พระอานนท์ _____________
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็จะควรเรียกว่า
ภิกษุผู้ฉลาดในปฏิจจสมุปบาทด้วยเหตุอันใด ฯ

พระพุทธเจ้า _____________
ดูกรอานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้อย่างนี้ว่า

ทรงแสดงธรรมอิทัปปัจจยตา
เมื่อเหตุนี้มี ผลนี้จึงมี เพราะเหตุนี้เกิดขึ้น ผลนี้จึงเกิดขึ้น
เมื่อเหตุนี้ไม่มี ผลนี้จึงไม่มี เพราะเหตุนี้ดับ ผลนี้จึงดับ คือ

วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ปฏิจจสมุปบาท แบบ "ฮัมเพลง" 2‏



ภิกษุทั้งหลาย !
นับตั้งแต่ราตรี ที่ตถาคตได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ
จนกระทั่งถึงราตรีที่ตถาคตปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ


ตลอดเวลาระหว่างนั้น
ตถาคตได้...
กล่าวสอน
พร่ำสอน
แสดงออก 

ซึ่งถ้อยคำใด
ถ้อยคำเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเข้ากันได้โดยประการเดียวทั้งสิ้น
ไม่แย้งกันเป็นประการอื่นเลย 

อิติวุ. ขุ. ๒๕ / ๓๒๑ / ๒๙๓

ด้วยเหตุผลดังกล่าว บทสวดมนต์ที่ดีที่สุด จึงถูกตีกรอบเฉพาะ พระธรรมที่พระศาสดาตรัสไว้ดีแล้วเท่านั้น ซึ่งทั้งภิกษุ ภิกษุณี อุบาสกและอุบาสิกาที่เป็นสาวก ควรน้อมเข้ามาใส่ตน และควรกล่าวกะผู้อื่นว่า ท่านจงมาดูเถิด

แต่ในปัจจุบัน หาหนังสือสวดมนต์เช่นว่านั้นได้ยากนัก บทสวดที่ปรากฏอยู่ในหนังสือที่ผมได้รับ ไม่ต่ำกว่า 10 เล่มนั้น 95-99 % ไม่ใช่สิ่งที่พระศาสดาตรัสไว้ หากแต่เกลื่อนไปด้วย

บทสวด บทกรวดน้ำ บทแผ่เมตตา คำไหว้ คำบูชา คำอธิษฐาน คำอาราธนา และคาถาต่าง ๆซึ่งทั้งหมดที่ถูกยัดเยียดมาให้ เป็นแค่คำกล่าวของสาวก ที่พระศาสดาตรัสพยากรณ์แก่ภิกษุทั้งหลายว่า

ภิกษุทั้งหลาย !
ฉันใดก็ฉันนั้น
ในกาลยืดยาวฝ่ายอนาคต จักมีภิกษุทั้งหลาย...

ปฏิจจสมุปบาท แบบ "ฮัมเพลง" 1‏

อ้างอิง เวป http://www.visalo.org/article/budSevana.htm
ตัดตอนมาเป็นบางส่วน
ภาคต่อมาก็คือว่าทรงเป็นอะไรกับพระองค์เอง
ในบทนี้อาจารย์พุทธทาสพูดถึงพระพุทธเจ้าว่าทรง "ฮัมเพลง"
อาจารย์พุทธทาสใช้คำที่สะดุดใจดี
คือมีคราวหนึ่งพระองค์อยู่คนเดียวในที่สงัดก็ทรงทบทวนเรื่องปฏิจจสมุปบาท
โดยทรงเปล่งเสียงเบา ๆ อาจารย์พุทธทาสก็เลยใช้คำว่าทรง "ฮัมเพลง"
แต่เป็นเพลงที่มีความหมายลึกซึ้งทางธรรมะ
ท่านบอกว่านี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับพระองค์ในบางแง่