ปางโปรดอสุรินทราหู
พระพุทธรูปปางนี้
อยู่ในพระอิริยาบถนอนตะแคงข้างขวา พระบาทซ้ายทับพระบาทขวาเสมอกัน
พระหัตถ์ซ้ายทาบทอดไปตามพระกาย พระกัจฉะ (รักแร้) ทับบนพระเขนย
อุ้งพระหัตถ์ขวาขึ้นประคองพระเศียรให้ตั้งขึ้น (พระนอนใหญ่ ๆ สร้างแบบนี้ทั้งนั้น
ดูพระนอนวัดพระเชตุพนและพระนอนวัดราชโอรสาราม เขตจอมทอง (บางขุนเทียน) กรุงเทพฯ
เป็นตัวอย่าง)
พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนานดังนี้
พระพุทธรูปปางนี้ มีตำนานดังนี้
สมัยหนึ่งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหารในพระนครสาวัตถี ครั้งนั้นอสุรินทราหูอุปราชของท้าวเวปจิตติอสุรบดินทร์ผู้ครองอสูรพิภพ ได้สดับพระเกียรติคุณของพระสัมพุทธเจ้าจากสำนักเทพยดาทั้งหลายว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้นเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้เองโดยชอบสมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษไม่มีใครเหนือ เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย มีพระทัยเบิกบานยิ่งเป็นผู้จำแนกธรรมอันประเสริฐ ครั้นอสุรินทราหูได้ฟังแล้ว ก็มีความปรารถนาจะไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค แต่แล้วกลับคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นเป็นมนุษย์ มีพระกายเล็ก ถ้าเราเข้าไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมอง เป็นความลำบากทั้งเราก็ไม่เคยก้มเศียรให้ใคร ครั้นคิดแล้วก็ระงับความใคร่จะไปเฝ้านั้นเสีย แต่ครั้นเห็นทวยเทพดาแลพรหมทั้งหลายไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ากันคราวละมาก ๆ ความคิดใคร่จะไปเฝ้าก็เกิดขึ้นอีก ทั้งยิ่งได้ทราบพระคุณสมบัติของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระองค์มีพระพักตร์เบิกบานเสมอ ทรงมีการปฏิสันถารดี โอภาปราศรัยน่ารัก, น่าใคร่ เป็นที่เจริญใจของทุกคนที่เข้าเฝ้าก็ยิ่งเป็นการเร้าใจใคร่จะไปเฝ้ายิ่งขึ้น ดังนั้น ในราตรีวันหนึ่ง อสุรินทราหูจึงเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าที่ยังประทับ
ก่อนเวลาที่อสุรินทราหูจะเข้าไปเฝ้า พระผู้มีพระภาคทรงทราบดีแล้วด้วยพระอนาคตังสญาณ ทั้งทรงทราบดีตลอดถึงความในใจของอสุรินทราหูด้วยที่คิดดูหมิ่นพระองค์มีพระกายเล็ก ถ้าเข้าไปเฝ้าก็จะต้องก้มลงมอง เหมือนพญาช้างมองดูมดแดงฉะนั้น ครั้นทรงทราบจึงรับสั่งแก่พระอานนท์ว่า อานนท์ วันนี้อสุรินทราหูจะมาเฝ้า เธอจงจัดสถานที่รับรองที่บริเวณพระคันธกุฎีอันเป็นสถานที่กว้างใหญ่ และจงลาดบรรจถรณ์ที่นอนของฉันไว้ ณ ที่นั้นด้วย ฉันจะนอนรับอสุรินทราหู เพื่อให้โอกาสแก่อสุรินทราหูได้เห็นฉันอย่างใกล้ชิดและถนัดชัดเจน
ครั้นใกล้เวลาที่อสุรินทราหูเข้าเฝ้า พระผู้มีพระภาคก็เสด็จบรรทมในพระแท่นที่ประทับ ทรงทำปาฏิหาริย์นิรมิตพระกายให้ใหญ่กว่าอสุรินทราหูหลายเท่า พระรูปนี้จะปรากฏเฉพาะแต่อสุรินทราหูเห็นผู้เดียวเท่านั้น ครั้นอสุรินทราหูเข้าไปเฝ้า เห็นเข้าก็อัศจรรย์ใจมาก แม้แต่เพียงพระบาททั้ง ๒ ข้างที่ซ้อนกันอยู่ ก็ยังสูงและใหญ่กว่าอสุรินทราหูเสียอีก เมื่ออสุรินทราหูเข้าใกล้ได้ถวายอภิวาท แทนที่จะต้องก้มลงดูพระพุทธเจ้าดังที่คิดแต่แรกมากลับต้องแหงนหน้าชมพระพุทธลักษณะอันงดงาม ตั้งแต่พื้นพระบาทจนถึงพระพักตร์ ปรากฏว่าเป็นที่พอใจได้ความปลาบปลื้มที่ได้ชมพระรูปพระโฉมของพระพุทธเจ้าทั้งใหญ่ทั้งงามสมส่วนทุกประการ ก็กราบทูลสรรเสริญ
ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคจึงทรงรับสั่งปฏิสันถารให้ความชื่นบานแก่อสุรินทราหูยิ่งขึ้น แล้วตรัสว่า อสุรินทราหู! บุคคลทั้งหลายเมื่อได้ทราบข่าวเล่าลือ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด ๆ หากยังไม่ได้เห็น, ยังไม่พิจารณาให้ถ่องแท้แก่ใจตนแล้ว ไม่พึงติชมก่อน อสุรินทราหู, ท่านคงเข้าใจว่า ท่านมีร่างกายใหญ่กว่าเทพยดาและอสูรทั้งหลาย จริงอยู่บรรดาพวกอสูรทั้งหลายในอสูรพิภพนั้นมีร่างกายเล็กกว่าท่าน แต่ท่านคิดหรือเปล่าว่าในที่อื่นอาจมีผู้ที่มีร่างกายใหญ่กว่าท่าน เหมือนปลาใหญ่ในหนองคลองบึง มันอาจคิดว่าตัวมันโตกว่าปลาทั้งหลาย ไม่มีปลาตัวใดจะเสมอได้ เพราะมันยังไม่ได้ไปเห็นปลาในมหาสมุทร อสุรินทราหู! แม้ท่านเองก็ยังมีความรู้สึกเช่นนั้น
อสุรินทราหู, บรรดาพรหมทั้งหลายในพรหมโลกชั้นบนทั้งหมดล้วนมีร่างกายใหญ่กว่าท่าน ถ้าท่านมีความปรารถนาจะได้ดู, ได้ชม, พรหมเหล่านั้น ตถาคตรับรองว่าจะพาท่านไปดู ไปชมได้แม้ในขณะนี้ ครั้นอสุรินทราหูทูลขอประทานพระกรุณาให้พาไปชมพรหมทั้งหลายในพรหมโลก พระผู้มีพระภาคได้ทรงทำปาฏิหาริย์พาอสุรินทราหูไปยังพรหมโลกในทันใดนั้น
เมื่อพระผู้มีพระภาคเสด็จขึ้นปรากฏพระกายในพรหมโลก บรรดามหาพรหมทั้งหลาย ก็พากันมาเฝ้าเป็นอันมาก บรรดามหาพรหมที่พากันมาเฝ้าเหล่านั้น ล้วนมีร่างกายใหญ่กว่าอสุรินทราหูตั้งร้อยเท่าพันเท่า แต่พระผู้มีพระภาคกลับมีพระกายปรากฏว่าใหญ่กว่ามหาพรหมเหล่านั้นทั้งหมด ส่วนอสุรินทราหูคงมีร่างกายเท่าเดิม มีความหวาดกลัวตัวสั่นเทา หลบอยู่เบื้องหลังพระผู้มีพระภาค ปรากฏเหมือนแมงมุมเกาะอยู่ที่ชายจีวรพระผู้มีพระภาคฉะนั้น
ท้าวมหาพรหมได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระองค์ได้ทรงพระกรุณาพาเอาตัวอะไรขึ้นมาด้วยพระเจ้าข้า, พระศาสดาตรัสตอบว่า ผู้นี้คืออสุรินทราหู, เขาถือตัวว่าตัวมีร่างกายใหญ่ อยากจะเห็นผู้มีร่างกายใหญ่กว่า โดยคิดว่าในสกลโลกนี้ยังจะมีผู้ที่มีร่างกายใหญ่เท่าเขาอยู่บ้างหรือ ตถาคตจึงพาขึ้นมา ให้อสุรินทราหูได้เห็นประจักษ์ด้วยนัยน์ตาตนเอง
ท้าวมหาพรหมได้กราบทูล เป็นอย่างนั้นแหละพระเจ้าข้า, วิสัยคนที่มานะอันกระด้าง ย่อมถือตัวยกตนข่อผู้อื่น เหมือนคนทุคคตะเข็ญใจได้ทรัพย์เพียงบาทหนึ่ง ก็ถือตัวว่าเป็นคนมีทรัพย์ หรือเหมือนคนพาลมีความรู้น้อยก็ทนงตนว่าเป็นปราชญ์
ครั้นพระผู้มีพระภาคเสด็จประทับอยู่ในพรหมโลกพอสมควรแก่เวลาแล้ว ก็ตรัสอำลาท้าวมหาพรหม พาอสุรินทราหูกลับลงมายังพระเชตวันวิหาร ทรงทรมานให้อสุรินทราหูลดมานะทิฏฐิอันกระด้างลงได้ กลับมีใจเลื่อมใสในพระศาสดา ขอถึงพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นสรณะ แล้วกราบทูลลากลับไปยังพิภพของตน.
บทสวดมนต์บูชาพระประจำวันอังคาร...
ยัสสานุสสะระเณนาปิ อันตะลิก เขปิ ปาณิโน ปะติฏฐะมะธิ คัจฉันติ ภูมิยัง วิยะ สัพพะทา สัพพูปัททะวะชาลัมหา ยักขะโจราทิ สัมภะวา คะณะนานะ จะ มุตตานัง ปะริตตันตัมภะณามะ เห
สวดวันละ ๘ จบ
ผู้ที่เกิดวันอังคาร ควรใช้ของประดับตัวและบ้านเรืออนเป็นสีชมพู
หรือ สีแดงหลัว ส่วนสีรองๆ ลงมาคือ สีดำ สีกรมท่า สีน้ำเงินแก่ สีเหลือง สีแดง
พึงเว้นสีขาวนวล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น