วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

มิลินทปัญหา(๑๐)


(๙) ปฏิสนธิคหณปัญหา คำรบ๖.

     ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงมีพระราชปุจฉาถามอรรถปัญหาอันอื่น ต่อไปว่าข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า คนที่ตายไปแล้ว จะไม่ปฏิสนธิเกิดมาเป็นร่างกายจิตใจสูญไปนี้ จะมีบ้างหรือ หรือว่าไม่มี
     พระนาคเสนได้ฟังพระโองการฉะนี้จึงถวายพระพรว่า ดูรานะมหาบพิตร คนบางจำพวกดับจิตแล้วไม่เกิดอีกก็มี ที่กลับมาเกิดอีกก็มี
     พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีจึงซักถามต่อไปนี้ว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า พระผู้เป็นเจ้าว่าบุคคลที่ดับจิตไม่ได้เกิดอีกนั้น ได้แก่คนจำพวกใด คนที่ดับจิตตายไปแล้วกลับเกิดใหม่นั้นได้แก่คนจำพวกใด นิมนต์วิสัชนาไปให้แจ้งก่อน
     พระนาคเสนถวายพระพรว่า ดูรานะบพิตร คนที่มีราคาทิกิเลสดับจิตแล้วเกิดใหม่ ที่หากิเลสมิได้ดับจิตแล้วไม่เกิดอีก ขอถวายพระพร
     พระเจ้ากรุงมิลินท์จึงย้อนถามว่า ก็พระผู้เป็นเจ้านี้เล่าดับจิตแล้วจะเกิดใหม่ หรือว่าไม่เกิดอีกในภพเป็นประการใด
     พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐ ถ้าว่าอาตมาประกอบไปด้วยกิเลส ดับจิตไปก็ต้องเกิดใหม่ ถ้าว่าอาตมาหากิเลสมิได้ก็จะดับสูญไปไม่เกิดอีก ขอถวายพระพร
     สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นสาคลนคร ก็มีพระโองการสรรเสริญว่า พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนานี้สมควรแล้ว

 ปฏิสนธิคหณปัญหา คำรบ ๖ จบเท่านี้



(๑๐) มนสิการปัญหา คำรบ ๗.

     สมเด็จพระเจ้ามิลินท์ปิ่นกษัตริย์มีพระราชโองการตรัสถามอรรถปัญหาต่อไปว่าข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า โยมนี้ยังสงสัยอยู่ ด้วยบุคคลไม่ปฏิสนธิคือไม่เกิดใหม่นั้น ไม่เกิดใหม่ด้วยโยนิโสมนสิการดังฤๅ
     พระนาคเสนถวายพระพรว่า ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐในศฤงคาร บุคคลไม่ปฏิสนธิเกิดใหม่นั้นด้วยโยนิโสมนสิการกับกุศลธรรมอื่นที่บำเพ็ญไว้แต่ก่อน มีบารมีเต็มตามกำหนดให้สำเร็จ
พระนิพพาน อีกกับปัญญาพร้อมด้วยสิ่ง ๓ ประการนี้ จึงมิได้เกิดใหม่ขอถวายพระพร
     พระเจ้ามิลินท์มีพระราชโองการซักถามว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้มี ปรีชาญาณ โยนิโสมนสิการนั้นไม่ใช่ปัญญาหรือประการใด
     พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า โยนิโสมนสิการมิใช่ปัญญา และโยนิโสมนสิการนั้นมีลักษณะสถาน ๑ ปัญญามีลักษณะสถาน ๑
และโยนิโสมนสิการนั้น มีในสันดานแห่งสัตว์ทั้งหลายคือวัวควายช้างม้าสรรพสัตว์ทั้งปวง
เหล่านี้และสัตว์ดังพรรณนานี้จะได้มีปัญญาหามิได้มีแต่โยนิโสมนสิการขอถวายพระพร

 มนสิการปัญหา คำรบ ๗ จบเท่านี้

(๑๑) มนสิการลักขณปัญหา คำรบ ๘.

     สมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีมีพระราชโองการตรัสถามด้วยลักษณะแห่งโยนิโสมนสิการว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสนผู้ปรีชาญาณ และโยนิโสมนสิการนั้นมีลักษณะอย่างไร
     พระนาคเสนจึงวิสัชนาแก้ไขว่า โยนิโสมนสิการนั้น มีลักษณะให้อุตสาหะมีพยายามความเพียรประการ ๑ มีลักษณะจะถือเอาให้ได้ เหมือนกับสัตว์เป็นต้นว่าแพะลาโคมหิสา ถึงจะผูกไว้ก็จะดิ้นไปกินหญ้านั้นประการ ๑ ขอถวายพระพร
     พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นสาคลนครจึงมีพระราชโองการถามว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประเสริฐด้วยปรีชาญาณ ลักษณะปัญญานั้นอย่างไร
     พระนาคเสนวิสัชนาแก้ไขว่า ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐในสิริมไหศวรรย์ ปัญญานั้นมีลักษณะตัดให้ขาด ขอถวายพระพร
     พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นสาคลนคร มีพระราชโองการนิมนต์พระนาคเสนผู้ปรีชาญาณให้กระทำอุปมา จึงตรัสว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้ประกอบด้วยปรีชาญาณลักษณะโยนิโสมนสิการ กับลักษณะปัญญา ที่พระผู้เป็นเจ้าวิสัชนามานี้ โยมฟังยังคลางแคลง อยู่ นิมนต์อุปมาให้แจ้งก่อน
     พระนาคเสนจึงถวายพระพรอุปมาว่า ดูรานะมหาบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐในศฤงคาร ลักษณะโยนิโสมนสิการกับลักษณะปัญญานี้ ถ้าจะเปรียบเป็นอันเดียวเหมือนเกี่ยวข้าง ลักษณะชาวนาเกี่ยวข้าวนั้น เขาทำประการใด
     "อ้อ โยมเข้าใจอยู่
     "ดูรานะบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐในมไหศวรรย์ ชาวนาเกี่ยวข้าวนั้นเขาทำอย่างไร"
     "อ้อ ชาวนานั้นเขาเอาเท้าเหยียบต้นข้าวไว้มิให้ขยาย มือซ้ายหน่วงเอารวงข้างนั้นมา มือขวาจับเคียวเกี่ยวกระชากให้รวงข้าวขาดติดมือเบื้องซ้ายชาวนาทั้งหลายเขากระทำอย่างนี้ โยมรู้อยู่
     "ดูรานะบพิตรผู้ประเสริฐในสิริมไหศวรรย์ ความนี้ฉันใด มือซ้ายที่ถือรวงข้างไว้ได้แก่โยนิโสมนสิการอันมีลักษณะถือเอา มือขวาที่ถือเคียวเกี่ยวรวงข้างตัดกระชากให้ขาดนั้นได้แก่ปัญญาอันมีลักษณะตัดให้ขาด ด้วยประการดังนี้"
     พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี ได้ฟังพระนาคเสนอุปมาก็ทรงพระปรีชาชื่นชม ตรัสว่าพระผู้เป็นเจ้าอุปมานี้ สมควรนักหนา สาธุสัตบุรุษผู้มีศรัทธาพึงเข้าใจเถิดว่า บุคคลที่ไม่เกิดอีกนั้นคือพระอรหันตขีณาสพ ท่านไม่เกิดอีก คือท่านเข้านิพพาน

 มนสิการลักขณปัญหา คำรบ ๘ จบเท่านี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น