วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
มิลินทปัญหา(๗)
(๕) เถรัสสติกขปฏิภาณปัญหา คำรบ๓.
ครั้งนั้นสมเด็จพระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีสุนทรพจนารถพระราชโองการถามอรรถปัญหาสืบไปว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าอันว่าบรรพชาของพระผู้เป็นเจ้านี้ มีประโยชน์อันอุดมดีอย่างไรประโยชน์ด้วยสิ่งอันใดจึงบรรพชา พระผู้เป็นเจ้าจงวิสัชนาแก้ไขให้แจ้งก่อน
พระนาคเสนจึงถวายพระพระว่า ดูกรบพิตรพระราชสมภารผู้ประเสริฐในสิริราชมไหศวรรย์ บรรพชาของอาตมานั้นเป็นประโยชน์ดับเสียซึ่งทุกข์ที่มีในสันดาน แล้วมิให้ทุกข์ประการอื่นบังเกิดได้ ประการหนึ่งบรรพชาของอาตมานี้ประเสริฐยิ่งนัก จักให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์นิกรเทวดา มนุษย์นิกรเทวดาไหว้นบเคารพบูชาถวายไทยทาน บรรดาที่จะให้เกิดผลเมื่อสิ้นชนม์มรณกาลแล้ว เดชะผลที่ได้กระทำสักการถวายทานแก่รูปอันบรรพชาก็จะปิดเสียซึ่งประตูจตุราบาย ก็จะได้ไปชมสมบัติ ๓ ประการ คือมนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติเหตุฉะนี้รูปจึงว่า บรรพชาของรูปนี้โสด จะให้เป็นประโยชน์แก่นิกรมนุษย์เทวดาทั้งหลายขอถวายพระพร
พระจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นสาคลนคร ได้ทรงฟังพระนาคเสนสำแดงแจ้งกระจ่าง ก็มิได้มีทางที่จะซักไซ้ ก็หันเหเสประภาษพจนารถอื่นไปว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้านาคเสนโยมนี้อยากจะใคร่พูดอยากใคร่เจรจาพาทีกันด้วยพระผู้เป็นเจ้านักหนา
พระนาคเสนจึงมีเถรวาจาว่า ดูรานะมหาบพิตรจะเป็นอะไร ตรัสว่ากระไรจงตรัสเถิด แต่บพิตรผู้ประเสริฐอย่าประภาษด้วยราชวาท จงตรัสกับอาตมาเป็นบัณฑิตวาท
พระเจ้ามิลินท์นรินทรราชจึงประภาษถามว่า ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า บัณฑิตวาทนักปราชญ์เจรจานี้เจราจาประการใด โยมยังสงสัยอยู่ นิมนต์วิสัชนาไปก่อน
อ้อ ขอถวายพระพร ธรรมดาว่าปราชญ์เจรจาย่อมสุนทรอ่อนหวานมิได้เจรจาหักหาญข่มขี่กระทำดีเรียบร้อย ถ้อยคำย่อมกระทำให้วิเศษต่าง ๆ ย่อมกระทำปฏิเสธกั้นกางการอกุศลกรรม ย่อมกระทำเคล้าคลึงโน้มน้อมเข้าในสิ่งเป็นกุศล มีรักษาศีลให้ทานเป็นต้น มิได้กำเริบรานร้ายกาจ ธรรมดาว่าปราชญ์ย่อมเจรจาดุจอาตมาวิสัชนาฉะนี้ขอถวายพระพร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการถามว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้าผู้ฉลาด อีกประการหนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าว่าราชวาทคือคำกษัตริย์ขัตติยมหาศาล นั้นเป็นประการใด จงวิสัชนาให้โยมฟังก่อน
ขอถวายพระพร บรมกษัตริย์ขัตติยมหาศาลจะตรัสย่อมหักหาญเอาด้วยปัญญาของตนปฏิญาณในวัตถุสิ่งเดียว ได้ตรัสให้กระทำดังนี้ ถ้ามีผู้ใดขัดพระราชโองการโสด โทษก็มียิ่งแก่ผู้นั้น อันกษัตริย์นี้จะตรัสเจรจาพาทีมิได้อนุโลมตามใคร ความกระนี้จึงไม่ให้ตรัสด้วยอาตมาเป็นคำราชวาท บพิตรจะตรัสเป็นราชวาทกับอาตมา อาตมาก็มิได้สนทนาด้วยบพิตรพระราชสมภาร ในกาลบัดนี้
ขณะนั้นสมเด็จพระเจ้ามิลินท์ภูมินทราธิบดี มีพระราชโองการตรัสว่า ข้าแต่พระนาคเสนผู้เป็นเจ้า โยมนี้จะเอาคำนักปราชญ์มาเจรจา มิได้พูดกับพระผู้เป็นเจ้าโดยคำท้าวคำพระยา
อ้อ ถ้ากระนั้นจะตรัสอย่างไรเร่งตรัสมาเถิด ขอถวายพระพร
พระเจ้ากรุงมิลินท์ปิ่นสาคลนคร จะลองปัญญาพระผู้เป็นเจ้าว่าจะเขลาเคลิ้มประการใดจึงตรัสไต่ถามเป็นสำนวนลมปากเปล่าอีกเล่าว่า โยมจะถามพระผู้เป็นเจ้า
บพิตรจะถามอย่างไร จงถามเถิด
โยมถามแล้ว
ขอถวายพระพร อาตมาแก้แล้ว
พระผู้เป็นเจ้าแก้อย่างไร จงวิสัชนาให้แจ้งก่อน ขอถวายพระพร อาตมาแก้แล้ว
พระเจ้ากรุงมิลินท์ภูมินทราธิบดีไต่ถามปัญหาสำนวนเปล่าเช่นนี้ทีหนึ่งแล้วกลับมาถามซ้ำอีกเล่า หวังจะลองปัญญา
พระนาคเสนว่าจะเขลาหรือฉลาด จะยั่งยืนอยู่ไม่ครั่นคร้ามหรือประการใดเท่านั้น
เถรัสสติกขปฏิภาณปัญหา คำรบ ๓ จบเท่านี้
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น